วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2558

จังหวัด นครสวรรค์

จังหวัดนครสวรรค์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สำหรับนครสวรรค์ ในความหมายอื่น ดูที่ นครสวรรค์ (แก้ความกำกวม)
จังหวัดนครสวรรค์
ตราประจำจังหวัดนครสวรรค์
ตราประจำจังหวัด
เมืองสี่แคว แห่มังกร พักผ่อนบึงบอระเพ็ด ปลารสเด็ดปากน้ำโพ
ข้อมูลทั่วไป
ชื่ออักษรไทยนครสวรรค์
ชื่ออักษรโรมันNakhon Sawan
ชื่อไทยอื่น ๆเมืองสี่แคว, ปากน้ำโพ, เมืองพระบาง, เมืองชอนตะวัน
ผู้ว่าราชการนายชยพล ธิติศักดิ์[1]
(ตั้งแต่ พ.ศ. 2558)
ISO 3166-2TH-60
ต้นไม้ประจำจังหวัดเสลา
ดอกไม้ประจำจังหวัดเสลา
ข้อมูลสถิติ
พื้นที่9,597.677 ตร.กม.[2]
(อันดับที่ 19)
ประชากร1,072,756 คน[3] (พ.ศ. 2557)
(อันดับที่ 20)
ความหนาแน่น111.77 คน/ตร.กม.
(อันดับที่ 46)
ศูนย์ราชการ
ที่ตั้งศาลากลางจังหวัดนครสวรรค์ ถนนสวรรค์วิถี ตำบลนครสวรรค์ตกอำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ 60000
โทรศัพท์(+66) 0 5622 7001
โทรสาร(+66) 0 5622 0262
เว็บไซต์จังหวัดนครสวรรค์
แผนที่
แผนที่ประเทศไทย เน้นจังหวัดนครสวรรค์

สารานุกรมประเทศไทย ส่วนหนึ่งของสารานุกรมประเทศไทย
จังหวัดนครสวรรค์ เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ระหว่างตอนล่างของภาคเหนือและตอนบนของภาคกลาง มีพื้นที่ประมาณ 9,597 ตารางกิโลเมตร ซึ่งถือว่าเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของภาคเหนือรองจากเชียงใหม่นับเป็นจังหวัดที่มีความสำคัญในทางประวัติศาสตร์อีกจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย มีพื้นที่ติดต่อกับหลายจังหวัด ได้แก่ ด้านเหนือ ติดต่อกับจังหวัดพิจิตรและกำแพงเพชร ทางตะวันออกติดกับจังหวัดเพชรบูรณ์และลพบุรี ด้านใต้ติดกับจังหวัดสิงห์บุรีชัยนาท และอุทัยธานี ส่วนด้านตะวันตกติดกับจังหวัดตาก

สัญลักษณ์ประจำจังหวัด[แก้]

ประวัติศาสตร์[แก้]

นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่านครสวรรค์มีชื่อปรากฏมาตั้งแต่ก่อนสุโขทัยเป็นราชธานี มีชื่อในศิลาจารึกของสุโขทัย โดยเรียกว่า เมืองพระบาง เป็นเมืองหน้าด่านที่สำคญในการทำศึกสงคราม ตั้งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี กระทั่งถึงกรุงรัตนโกสินทร์ ภายหลังเรียกชื่อว่า เมืองชอนตะวัน และเปลี่ยนเป็น นครสวรรค์ ในที่สุด แต่ชาวบ้านโดยทั่วไปเรียกกันว่า เมืองปากน้ำโพ ในประวัติศาสตร์มีหลักฐานทางโบราณคดีบ่งชี้ว่า นครสวรรค์ เคยเป็นเมืองเกษตรกรรมมาตั้งแต่ยุคต้นประวัติศาสตร์ เป็นศูนย์กลางของการคมนาคม เป็นที่ตั้งของกลุ่มชนชาวจีนที่มาทำมาค้าขายระหว่างประเทศ
เมืองพระบางเป็นเมืองโบราณในสมัยสุโขทัยคู่กับเมืองคนที โดยตัวเมืองพระบางอยู่ที่เมืองนครสวรรค์เก่า ส่วนเมืองคนทีสันนิษฐานว่าอยู่ที่บ้านโคน ริมฝั่งแม่น้ำปิง จังหวัดกำแพงเพชร จากข้อมูลในศิลาจารึกสมัยสุโขทัย เมืองพระบางถูกผนวกรวมกันเข้ากับอาณาจักรสุโขทัยในสมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์และตั้งตัวเป็นอิสระเมื่อสิ้นสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช และถูกผนวกรวมอีกครั้งในสมัยพระยาลิไท พระองค์ได้ประดิษฐานพระพุทธบาทพร้อมทั้งศิลาจารึกวัดเขากบไว้ที่เขากบ เมืองพระบาง ปัจจุบันอยู่ในจังหวัดนครสวรรค์ ในสมัยพระมหาธรรมราชาไสลือไทที่ประกาศให้สุโขทัยเป็นเอกราชได้รวมเมืองพระบางไว้ในอาณาเขตด้วย
เมื่ออำนาจของกรุงศรีอยุธยากล้าแข็งขึ้น เมืองพระบางจึงไปขึ้นกับกรุงศรีอยุธยาในที่สุด มีหลักฐานในตำนานมูลศาสนาว่าพระญาณคัมภีร์ขอที่สร้างวัดในอยุธยาเมื่อ พ.ศ. 1972 สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 ไม่อนุญาตจึงมาขอที่ที่เมืองพระบาง เจ้าเมืองพระบางไม่ยกที่ให้ อ้างว่าเป็นข้าขอบขัณฑสีมาของอยุธยา เมื่ออยุธยาไม่ให้ ทางเมืองพระบางก็ให้ไม่ได้[4]
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการปฏิรูปการปกครองหัวเมืองส่วนภูมิภาค นครสวรรค์ได้เป็นที่ตั้งมณฑลนครสวรรค์ ซึ่งเป็น 1 ใน 4 มณฑลที่ตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2438 มณฑลนครสวรรค์ครอบคลุม 8 เมืองคือ นครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี พยุหคีรี มโนรมย์ สรรค์บุรีกำแพงเพชร และ ตาก โดยมีพระยาดัสกรปลาศ (ทองอยู่ โลหิตเสถียร) เป็นข้าหลวงเทศาภิบาลคนแรก
ในการจัดตั้งมณฑลนครสวรรค์ ได้รวมเอาหัวเมืองทางแม่น้ำเจ้าพระยาตอนเหนือขึ้นไปจนถึงแม่น้ำปิงเข้าด้วยกัน 8 เมือง คือเมืองชัยนาท เมืองสรรคบุรี เมืองมโนรมย์ เมืองอุทัยธานี เมืองพยุหะคีรี เมืองนครสวรรค์ เมืองกำแพงเพชร และเมืองตาก ตั้งที่ว่าการมณฑลอยู่ที่เมืองนครสวรรค์ การจัดรูปปกครองในลักษณะมณฑลได้ดำเนินการ มาจนถึง พ.ศ. 2475 จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ยุบมณฑลและระเบียบเทศาภิบาลของเก่าไปให้คงไว้แต่หัวเมืองและอำเภอ โดยให้ทุกเมืองมีฐานะเท่าเทียมกัน ปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อเจ้ากระทรวง และรับคำสั่งจากเจ้ากระทรวงโดยตรง

ปากน้ำโพ[แก้]


ปากน้ำโพ
บ้างเล่าว่าที่เรียกว่า "ปากน้ำโพ" ก็คือว่าเป็นบริเวณที่แม่น้ำปิง และน่านมาบรรจบกัน จึงเรียกว่า "ปากน้ำโผล่" และเพี้ยนมาเป็น "ปากน้ำโพ" ส่วนอีกตำรากล่าวว่า เป็นปากน้ำของแม่น้ำโพ (คือแม่น้ำน่านในปัจจุบัน) ที่ไหลมาบรรจบกับแม่น้ำปิง จึงเรียกว่า ปากน้ำโพ ดังเช่น ปากยม ปากชม ปากลัด และปากน้ำอื่น ๆ

ภูมิประเทศ[แก้]

สภาพภูมิประเทศของจังหวัดนครสวรรค์อยู่ในดินแดนของลุ่มน้ำ เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำสายหลักของภาคกลาง นั่นคือ แม่น้ำเจ้าพระยา อันเป็น การไหลบรรจบของแม่น้ำสี่สายจากภาคเหนือ ได้แก่ แม่น้ำปิง แม่น้ำวัง แม่น้ำยม และแม่น้ำน่าน ด้วยเหตุนี้ จังหวัดนครสวรรค์จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เมืองสี่แคว นอกจากนี้ยังมีภูเขาขนาดย่อมกระจัดกระจายในอำเภอต่าง ๆ

ภูมิอากาศ[แก้]

จังหวัดนครสวรรค์ตั้งอยู่ในเขตร้อนแบบมรสุม
[ซ่อน]ข้อมูลภูมิอากาศของจังหวัดนครสวรรค์
เดือนม.ค.ก.พ.มี.ค.เม.ย.พ.ค.มิ.ย.ก.ค.ส.ค.ก.ย.ต.ค.พ.ย.ธ.ค.ทั้งปี
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย °C (°F)32.2
(90)
34.8
(94.6)
36.8
(98.2)
38.1
(100.6)
35.9
(96.6)
34.6
(94.3)
34.0
(93.2)
33.3
(91.9)
32.5
(90.5)
32.1
(89.8)
31.5
(88.7)
31.0
(87.8)
33.9
(93.02)
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย °C (°F)18.1
(64.6)
21.7
(71.1)
24.1
(75.4)
25.7
(78.3)
25.4
(77.7)
25.0
(77)
24.5
(76.1)
24.3
(75.7)
24.0
(75.2)
23.6
(74.5)
21.3
(70.3)
18.2
(64.8)
22.99
(73.39)
หยาดน้ำฟ้า มม (นิ้ว)9.8
(0.386)
14.9
(0.587)
30.0
(1.181)
60.9
(2.398)
138.7
(5.461)
117.1
(4.61)
134.1
(5.28)
194.9
(7.673)
231.6
(9.118)
144.4
(5.685)
35.3
(1.39)
7.3
(0.287)
1,119
(44.055)
วันที่มีหยาดน้ำฟ้าโดยเฉลี่ย123512141618181441108
แหล่งที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา

หน่วยการปกครอง[แก้]


ตัวเมืองนครสวรรค์
การปกครองแบ่งออกเป็น 15 อำเภอ 130 ตำบล 1328 หมู่บ้าน
  1. อำเภอเมืองนครสวรรค์
  2. อำเภอโกรกพระ
  3. อำเภอชุมแสง
  4. อำเภอหนองบัว
  5. อำเภอบรรพตพิสัย
  6. อำเภอเก้าเลี้ยว
  7. อำเภอตาคลี
  8. อำเภอท่าตะโก
  9. อำเภอไพศาลี
  10. อำเภอพยุหะคีรี
  11. อำเภอลาดยาว
  12. อำเภอตากฟ้า
  13. อำเภอแม่วงก์
  14. อำเภอแม่เปิน
  15. อำเภอชุมตาบง
 แผนที่

หน่วยงานราชการทหาร[แก้]

  1. มณฑลทหารบกที่ 31
  2. จังหวัดทหารบกนครสวรรค์
  3. ศูนย์การฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกที่ 31
  4. กรมทหารราบที่ 4
  5. กรมทหารราบที่ 4 กองพันทหารราบที่ 2 (ทหารเสือพระสุริโยไท)
  6. กองพันทหารช่างที่ 4
  7. กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 4
  8. กองคลังแสง กรมสรรพาวุธทหารบก จังหวัดนครสวรรค์
  9. โรงงานวัตถุระเบิดทหาร กรมอุตสาหกรรมทหารบก
  10. กองบิน 4 (ตาคลี) กองทัพอากาศ

ประชากรในจังหวัด[แก้]

      หมายถึงจำนวนประชากรได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน
      หมายถึงจำนวนประชากรได้ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน
อันดับ
(ปีล่าสุด)
อำเภอพ.ศ. 2557[5]พ.ศ. 2556[6]พ.ศ. 2555[7]พ.ศ. 2554[8]พ.ศ. 2553[9]พ.ศ. 2552[10]พ.ศ. 2551[11]
1เมืองนครสวรรค์243,170241,915241,430240,347241,273240,555240,182
2ตาคลี110,384110,931111,260111,484112,436113,005113,664
3ลาดยาว88,72289,59289,83589,99190,26990,21790,510
4บรรพตพิสัย87,54687,61287,54787,47587,58687,47687,658
5ไพศาลี72,48272,39472,34772,28971,80371,56871,336
6หนองบัว70,16370,25570,37970,24270,27870,17270,550
7ท่าตะโก67,61467,59067,66467,61267,67667,64267,903
8ชุมแสง65,77766,05466,06366,04566,35966,50666,723
9พยุหะคีรี62,15962,32162,50862,44362,33862,32062,360
10แม่วงก์53,29053,19653,21053,10652,77552,81652,712
11ตากฟ้า40,77440,77440,78140,58340,54140,64040,688
12โกรกพระ35,99336,00335,97036,00836,06836,02736,255
13เก้าเลี้ยว34,83034,85234,82834,82534,95234,93334,854
14แม่เปิน20,75920,62120,55520,41620,33120,25920,162
15ชุมตาบง19,09318,99618,97018,82018,81018,73218,682
รวม1,072,7561,073,1421,073,3471,071,6861,073,4951,072,8681,074,239

สถานที่สำคัญ[แก้]

การศึกษา[แก้]

โรงเรียน[แก้]

ระดับอาชีวศึกษา[แก้]

ระดับอุดมศึกษา[แก้]

เศรษฐกิจ[แก้]

จังหวัดนครสวรรค์เป็นศูนย์กลางการคมนาคมในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางตอนบน เพราะเป็นชุมทางของคมนาคมที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นถนน รถไฟ หรือทางน้ำ นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของท่าข้าวกำนันทรง ซึ่งเป็นตลาดกลางค้าข้าวแห่งแรกของประเทศไทย เป็นจังหวัดที่เจริญเป็นอันดับที่ 12 ของประเทศไทย ข้อมูลจากรายชื่อเมืองใหญ่ของประเทศไทยเรียงตามจำนวนประชากร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น